Header Ads

จอแบบ SuperAMOLED Plus vs Retina Display

เรามาดูกันว่าจอมือถือที่เราใช้นั้นมีข้อดี ข้อด้อยอย่างไรจะได้รู้จักมือถือตัวโปรดของเราให้มากขึ้น

Super AMOLED Plus เทคโนโลยีจอภาพที่สมจริงที่สุดล่าสุดจาก Samsung
Samsung ได้พัฒนาหน้าจอ Super AMOLED Plus ขึ้นมาแทนที่ Super AMOLED เดิมที่ใช้กับ Samsung Galaxy S มาใช้บน Samsung Galaxy S II ที่มีขนาด 4.3 นิ้ว 480×800 pixels โดยหน้าจอ Super AMOLED เดิมจะกระจาย Sub-pixels ของเม็ดสีไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเรียกวิธีการวางแบบนี้ว่า pentile โดย Pixel สีเขียวจะมีน้อยกว่าสีแดงและน้ำเงิน ที่ถูกกระจายระหว่างแถวในระบบสีแบบ RGBG ในขณะที่จอรุ่น Super AMOLED Plus แก้ปัญหานี้โดยใช้สัดส่วนของสีเท่ากันหมดทุกสี








ทำให้จอภาพแบบนี้มีจำนวน Sub-pixels มากขึ้น จาก 8 Sub-pixels ต่อ 1 Pixel จอ Super AMOLED Plus จะมีถึง 12 Sub-pixels ต่อ 1 Pixel มากกว่ากันถึง 50% วิธีการวาง Sub-pixels แบบใหม่นี้เรียกว่า Real-Stripe ซึ่งมีข้อเสียคือ ต้องใช้พื้นที่มากขึ้นต่อการแสดงผล 1 Pixel จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Samsung Galaxy S II  จึ่งมีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้น ในอนาคต Samsung มีแผนจะพัฒนาความละเอียดหน้าจอให้ถึง 300ppi โดยใช้กระบวนการผลิตแบบใหม่ที่เรียกว่า laser-induced thermal imaging (LITI)
Retina Display เทคโนโลยี่จอภาพที่ชัดที่สุดจาก Apple
Retina Display คือเทคโนโลยี่จอภาพ LCD ที่ทำการอัดความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลเข้าไป สามารถสังเกตได้ง่ายๆว่าหน้าจอของ iPhone 4 นั้นมีขนาดเท่ากันกับ iPhones 3GS คือ 3.5 นิ้ว แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือความละเอียดหน้า จอของตัว iPhone 4 นั้นจะมีความละเอียดสูงกว่าคือ 960×640 Pixel ซึ่งสามารถคิดค่าความหนาแน่นของเม็ด Pixelได้เป็น 326 Pixel ต่อพื้นที 1ตารางนิ้ว ( pixels per inch หรือ ppi ) ในขณะที่ iPhone 3GS นั้นมีความละเอียดเพียง 480×320 Pixel และมีความหนาแน่นของเม็ด Pixel เพียง 163ppi เท่านั้น หน้าจอ Retina Display ยังได้รับการพัฒนาอัตราส่วนความคมชัด (Contrast Ratio) ให้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่าด้วยกันเมื่อเทียบกับจอของ iPhone รุ่นก่อนหน้าโดยนอกจากจอภาพที่ใช้จะเป็นแบบ LED backlit แล้ว ทาง Apple ยังนำเทคโนโลยี In-Plane Switching (IPS) ที่ใช้ในจอ iMac มาใช้กับจอ Retina Display นี้ด้วย ผลที่ได้คือมุมที่สามารถมอง ภาพได้อย่างคมชัดนั้นจะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสีสันที่จะสวยงามสมจริงมากขึ้น

สรุปง่ายๆคือหน้าจอ Super AMOLED Plus นั้นคือการพัฒนาต่อยอดจาก Super AMOLED เดิมให้สีสันสมจริงยิ่งขึ้น และสว่างสดใสกว่าเดิมมาก เมื่อเทียบกันแล้วจะเห็นว่าหน้าจอของ iPhone 4 นั้น Drop ลงไปทันทีแต่เรื่องความคมชัดนั้นยังต้องยกให้ Retina Display ที่มีความละเอียดของหน้าจอ และ pixels per inch หรือ ppi ที่สูงกว่าของ Super AMOLED Plus อยู่เล็กน้อยในตอนนี้ และขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วยว่าใช้งานด้านไหนมากกว่า
ที่มาข้อมูล Blognone,Smart mobile













ไม่มีความคิดเห็น