Color-Matching
Color-Matching
แสงสี
สี คือลักษณะความเข้มของแสงที่ปรากฏแก่สายตาให้เห็นเป็นสี
โดยผ่านกระบวนการรับรู้ด้วยการมองซึ่งรับข้อมูลจากตา โดยที่ตาได้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแสงมาแล้ว
ผ่านประสาทสัมผัสการมองเห็น ผ่านศูนย์สับเปลี่ยนในสมองไปสู่ศูนย์การมองเห็นภาพ การสร้างภาพหรือการมองเห็นก็คือการที่ข้อมูลได้ผ่านการวิเคราะห์แยกแยะให้เรารับรู้ถึงสรรพสิ่งรอบตัว
การตรวจวัดคลื่นแสงที่มนุษย์สามารถมองเห็นเริ่มขึ้นใน
คริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปี 1928 ไรท์ ( W.D.Wright ) และ กิลด์ (J.Guild ) ประสบความสาเร็จในการตรวจวัดคลื่นแสงครั้งสาคัญ
และได้รับการรับรองจาก Commission Internationale de l'Eclairage หรือ CIEซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสาคัญในการกาหนดมาตรฐานด้านสี
ฟังก์ชั่นแทนตามนุษย์ (Color-Matching Function)
ฟังก์ชั่นนี้คือค่าไตรสติมูลัส (Tristimulus) ของสเปกทรัมที่สัมพันธ์กับความยาวคลื่น
ฟังก์ชั่นซึ่งสามารถนาไปใช้แทนความไวของตามนุษย์ได้ ประกอบด้วย 3 ชุด สอดคล้องกับเซลล์รูปกรวยในตามนุษย์
RGB Color
Matching
Function
ค่ามาตรฐานที่แทนความไวแสงของตามนุษย์ของแสงสีขั้นต้น
ซึ่งกาหนดโดย CIE ในปี 1931
Red (R): 700 nm
Green (G): 546.1 nm
Blue (B):
435.8 nm
จากภาพจะเห็นว่าในช่วงคลื่น 440-545 nmคลื่นแสง
R มีค่าไตรสติมูลัสอยู่ในช่วงลบ ส่วนคลื่นแสง G อยู่ในช่วงลบเพียงเล็กน้อย ในช่วงคลื่นที่มากกว่า 380-435 และ คลื่นแสง B ก็อยู่ในช่วงลบเพียงเล็กน้อย เช่นกัน
นั่นคือ ในช่วงคลื่นที่มากกว่า 550-655
ซึ่งการทราบค่าต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ในการนามาสร้าง
Color Space หรือปริภูมิสี
ในปี 1850 James Clerk Maxwell ได้สร้างการทดลองการ Matching สีขึ้น ซึ่งสามารถเข้าไปทดลองในเว็บไซต์
http://graphics.stanford.edu/courses/cs178-10/applets/colormatching.html ได้
จากการทดลองพบว่าแสงสีทั้ง 3 สี ไม่สามารถผสมกันออกมาได้สีทุกสีถ้าค่าไตรสติมูลัสอยู่ในช่วงบวกทั้งหมด
แต่ถ้ามีการเพิ่มบางแสงสีให้อยู่ในค่าลบก็จะสามารถผสมออกมาเป็นสีนั้นได้ ดังเช่นตัวอย่างในรูปด้านบน
เป็นต้น
CIE Space forColor Matching
จาก RGB Color Matching Function ในรูปทางด้านซ้าย ซึ่งจะเห็นว่ามีช่วงคลื่นที่อยู่ในด้านลบ ทาให้การคานวณสีออกมาในเชิงตัวเลขนั้นทาได้ยาก
เพราะในตอนนั้น CIE ต้องการนาเสนอแผนภูมิสีออกมาในเชิงของตัวเลขเพื่อให้สามารถคานวณและใช้งานได้ง่าย
ดังนั้น จึงมีการพัฒนามาเป็น XYZ Color Matching Function ซึ่งค่าไตรสติมูลัสจะมีค่าบวก
โดยมาจากการคานวณสมการเมทริซ์ ซึ่ง XYZ ก็คือการรวมกันของ
RGB
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า
การทา color matching เพื่อให้ได้มาซึ่งปริภูมิสี หรือ color space ของการมองเห็นสีของตามนุษย์
ซึ่งจากประโยชน์ตรงนี้ก็สามารถนาไปกาหนดขอบเขตสีของแต่ละระบบสีอีกด้วย เพราะแต่ละระบบจะมีขอบเขตของสีที่แตกต่างกัน
ยกตัวอย่างเช่น ในการถ่ายภาพนั้น (DSLR)จะมีโหมดให้เลือก
profile ของภาพว่าจะเลือกใช้ระหว่าง SRGB หรือ
AdobeRGBซึ่งมีข้อแตกต่างกันคือ sRGB เป็น
color space ที่มีขอบเขตสีที่ออกแบบมาเพื่อการแสดงผลบนจอ
monitor และอัดภาพ ส่วน Adobe RGB เป็น
color space ที่ออกแบบมาเพื่อการพิมพ์ 4 สี
CMYKซึ่งจะมีขอบเขตสีกว้างกว่า sRGB โดยเพิ่มขอบเขตด้านสี
cyan-green เข้าไป เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าหากเราเลือกขอบเขตของสีของภาพที่เราถ่ายเป็น AdobeRGB หรือ
SRGB ก็ตาม หากมอนิเตอร์ของเราไม่สามารถที่จะผลิตไปถึงขอบเขตของสีที่เราเลือกได้
เราก็จะไม่สามารถมองเห็นส่วนที่ขอบเขตของสีที่มอนิเตอร์เราไม่มี ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่าการเรียนรู้เรื่องขอบเขตของสีนั้น
ก็จะทาให้เราสามารถนาไปประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งที่มา :http://www.thaigoodview.com/node/46604
หนังสือการสื่อสารสีอย่างแม่นยา
แปลโดย รศ.ดร.อรัญ หาญสืบสาย
หนังสือภาษาแสง
แปลโดย รศ.ดร.อรัญ หาญสืบสาย
http://graphics.stanford.edu/courses/cs178-10/applets/colormatching
เอกสารประกอบการสอนเรื่อง Light and Colorโดย Siddhartha Chaudhuri
Post a Comment