Header Ads

ระบบHi-Definition (MPEG2)


Hi-Definition (MKV,MPEG2)
ก่อนอื่นเลยนะครับ สำหรับท่านที่ไม่ทราบระบบการถอดรหัส และ การเข้ารหัสสัญญาณวีดีโอนะครับ 
แรกเริ่มเดิมทีเราจะได้ยิน และคุ้นเคยกับ VCD DVD Bluray HDDVD DiVX MKV หรืออะไรก็แล้วแต่
แล้วจริงๆ มันคืออะไรกัน มาตรฐานของแต่ละแบบก็จะแตกต่างกันไปนะครับ ถ้าถามว่าทำไมต้องเข้า
รหัส คำตอบก็คือหากเราไม่ทำการเข้ารหัสแล้วไฟล์วีดีโอนั้นก็จะมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่มากครับ และ
ยากที่จะนำไปใช้งานต่อได้ครับไฟล์วีดีโอชนิดนี้มักเรียกกันว่า Full Frame Uncompressed ครับ

มาตรฐานแรกที่เรารู้จักกันดีก็คือ. VCD.-
- VCD ชื่อเต็มก็คือ Video Compact Disc นะครับมีการเข้ารหัสไฟล์วีดีโอแบบ MPEG1 ชื่อเต็มๆ 
ของ MPEG ก็คือ Moving Picture Experts Group ก็คือภาพเคลื่อนไหวต่อเนื่องนั่นเองนะครับ
แผ่น VCD มีสองประเภทใหญ่ๆ นะครับ ก็คือ NTSC และ PAL ซึ่ง NTSC จะมีขนาดของภาพอยู่
ที่ 352x240 อัตราการเคลื่อนไหวของภาพ (Framerate) 29.97 ภาพต่อวินาที 
และ 352x288 ในระบบ PAL อัตราการเคลื่อนไหวของภาพ (Framerate) 25 ภาพต่อวินาที
โดยมีบิทเรตเท่ากันก็คือ 1.15 Mbps ครับ


ต่อมาที่เราไม่ค่อยได้ยินกันก็คือ SVCD.-
- SVCD หรือ Super Video Compact Disc ครับ นะครับมีการเข้ารหัสไฟล์วีดีโอแบบ MPEG2 แบบ
เดียวกับ DVD ครับ แต่ความละเอียดไม่เท่ากัน แผ่น SVCD มีสองประเภทเหมือน VCD นะครับ 
ก็คือ NTSC และ PAL ซึ่ง NTSC จะมีขนาดของภาพอยู่
ที่ 480x480 อัตราการเคลื่อนไหวของภาพ (Framerate) 29.97 ภาพต่อวินาที 
และ 480x576 ในระบบ PAL อัตราการเคลื่อนไหวของภาพ (Framerate) 25 ภาพต่อวินาที
โดยมีสูงสุดคือ 2.6 Mbps ครับ

- อันสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดกับ DVD 
- ระบบ PAL ความละเอียดสูงสุด 720x576 ที่เฟรมเรต 25
- ระบบ NTSC ความละเอียดสูงสุด 720x480 ที่เฟรมเรต 29.97
นอกจากนี้ DVD ยังสามารถนำไฟล์ VCD มารวมได้โดยไม่ต้องเข้ารหัสใหม่ด้วย
- บิตเรตสูงสุดอยู่ที่ 9.8 Mbps นะครับ

* บางคนเข้าใจว่าขนาด Resolution ของวีดีโอยิ่งใหญ่จะยิ่งชัด นั่นส่วนนึงครับ
* แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือบิตเรต ต้องสูงขึ้นไปตามไม่เช่นนั้นภาพจะแตกครับ

ต่อไป เรามารู้จักกับคำว่า DxVA กันดีกว่าครับ

ก่อนจะมาพูดถึง DxVA เรามารู้จักกับการ์ดจอก่อนดีกว่า ย้อนไปสมัยเมื่อ 6-8 ปีที่แล้ว
ยังจำกันได้ไหมครับ การ์ดจอที่เขียนไว้ว่าเล่นวีซีดีได้ หรือเขียนข้างกล่องว่า
MPEG1 Compatible Acceleration
อะไรทำนองนี้ จริงๆ แล้วก็คือ เนื่องจากสมัยก่อนการถอดรหัส MPEG#1 ต้องใช้
การ์ดจอในการถอดรหัส แต่ถ้าการ์ดจอไม่มี หรือไม่มีตัวชั่วถอดรหัสในการ์ดจอ
ภาระก็จะตกไปอยู่กับ CPU ซึ่ง CPU สมัยก่อนช้าเหลือเกินไม่สามารถที่จะถอดรหัส
ได้ หรือถอดได้ ภาพยนตร์ที่ดูก็กระตุกเหลือเกิน คงจำโปรแกรม XingMPEG Player
กันได้นะครับ สำหรับคนยุคเก่าๆ นั่นก็เป็นโปรแกรมเล่นไฟล์วีดีโอตัวแรกเหมือนกัน
ที่เปิดมาทีไรก็มีแต่คนมากระโดดร่ม 
แต่พอเมื่อเปลี่ยนยุค เปลี่ยนสมัย CPU มีความเร็วมากขึ้นก็ทำให้การถอดรหัสไฟล์VCD 
หรือ MPEG1 ไม่มีปัญหาอีกต่อไป

จนมาถึงสมัย DVD เข้ามาใหม่ๆ ปัญหาเกิดอีกแล้ว CPU ถอดรหัสไม่ทันอีกภาพเลยกระตุก
หรือไม่ก็แตกก็ต้องไปหาการ์ดจอมาเสริมเพื่อที่จะดู DVD อย่างไม่ติดขัด 
และเมื่อถัดมายุคนี้ก็อีกแหละ CPU ก็ถอดรหัส MPEG2 ได้หมดแล้วไม่กระตุกแล้วเพราะความ
เร็วสูงขึ้น จนมาตอนนี้..หนัง Hidef เริ่มเข้ามามีบทบาทแล้ว ปัญหาเดิมก็กลับมาอีกครั้ง...

ในตัว CPU เองตั้งแต่สมัยโบราณแล้วจะมีชุดโปรแกรมช่วยถอดรหัสอยู่ในตัวเช่น MMX 
3DNow , SSE ,SSE2-3-4,IA64 เยอะแยะไปหมดหากจะนับกันจริงๆ แต่ชุดคำสั่งด้าน
มัลติมีเดียร์ ด้าน Intel จะมีชุดคำสั่งเยอะกว่าทำให้การเข้ารหัสและการถอดรหัสทำได้
ดีกว่า AMD แต่สำหรับการถอดรหัส ไม่เห็นผลต่างอะไรมากครับ.....

คำว่า DxVA จริงๆ แล้วย่อมาจาก DirectX Video Acceleration พัฒนาเสริมขึ้นมาจาก DirectShow
ก่อนอื่นต้องมาพูดถึง DirectX ก่อน DirectX ก็คือโปรแกรมเสริมที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ Hardware 
และ Software ทำงานเข้ากันได้ เป็นมาตรฐานอย่างนึงพัฒนาโดย Microsoft ซึ่ง DirectX แตกย่อย
ออกเป็นหลายส่วน เช่น Direct 3D ไว้เล่นเกมส์ DirectShow ไว้ดูหนัง DirectSound ไว้ฟังเพลง 
และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้ง DxVA นี้ด้วย

DxVA ก็คือชุดคำสั่งที่จะไปเปิดการทำงานของการถอดรหัสวีดีโอ โดยการ์ดจอเรียกอีกอย่างง่ายๆ ว่า
Hardware Acceleration ซึ่งส่วนมากชุดคำสั่งนี้จะรวมอยู่ใน Drivers ของการ์ดจอ โดย
ซอฟท์แวร์ต่างๆ จะเป็นคนเรียกเปิด Functionนี้ หากเราปิดฟังก์ชั่นนี้ ก็จะเป็นการถอดรหัสวีดีโอโดย
CPU..แทน.. ซึ่ง Software ปัจจุบันที่ Support DxVA นี้ก็มีมากมายเหลือเกิน แต่ก็อีกแหละครับ
ต้องย้อนกลับไปดูคุณสมบัติการ์ดจอและชิปเซ็ตด้วยว่า Support การถอดรหัสชนิดไหนบ้าง ซึ่งบาง
ครั้ง Software หรือ Codecs ตัวนั้นจะมีฟังก์ชั่นเปิด DxVA แต่เมื่อกดเปิดอาจไม่เกิดผลอะไรก็เป็นได้
เพราะการ์ดจอบางตัวจะไม่ Support การถอดรหัสบางชนิด ซึ่งตรงจุดนี้ ATI จะได้เปรียบ NVIDIA 
ครับ.. แล้วจะมาว่ากันต่อว่าได้เปรียบกันยังไง 

จากกระทู้ที่แล้วที่ผมทำ Review ไปผมก็ได้ทำการทดลองเพิ่มเติมครับจึงได้รู้ว่า NVIDIA PureVideo 
ปรับง่ายปรับดีกว่า AVIVO เยอะครับ
ขออนุญาตดึงรูปและข้อมูลเก่ามาเสริมเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ

เครื่องที่ใช้ Review 
- AMD Athlon64 X2 4800+ (2.5GHz)
- Palit Radeon HD2600 Pro@XT
- 2GB DDR-II 667MHz

Software ที่ใช้ในการทดสอบ
1. ATI Catalyst Control Center v8.9 (XP 32 bits)
2. ATI AVIVO Codec v.8.9
3. NVIDIA PureVideo Decoder v.1.02-223
4. Media Player Home Cinama v.1.1.604.0
5. The KMPlayer v.2.93.1432
6. CoveAVC Pro v1.1.0.5

ไฟล์ที่ใช้นำมาทดสอบ
1. - Berikyuu! 010 (2008-04-11) 1080i
* ความละเอียด 1440x1080
* Bitrate โดยเฉลี่ย 12.8 Mbps
* Format : MPEG2-PS
* FrameRate 29.97 FPS

2. ภาพยนตร์ MKV Hidef อีก 6 เรื่อง

3. อนิเมอีก MKV อีก 2 เรื่อง

สำหรับ NViDiA PureVideo ดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ NVIDIA PureVideo

ใช้ ค่าตามนี้ครับ ใช้งานได้ 30 วัน (ไม่ผิดกฏหมายครับ)

First and Last Name: NVIDIA Trial
Email Address: dvdtrial@nvidia.com
Last 4 Digits of Credit Card: 2004
Activation Key: 7152-9346-DD6E-2CB0-79A3-5F08-AC23

After 30 days, you can buy and unlock the software by launching the shortcut "Unlock/Buy NVIDIA PureVideo Decoder" on your desktop

ส่วนโปรแกรม Media Player Home Cinama v.1.1.604.0 โหลดได้ที่นี่ครับ

ปล. แนะนำให้ใช้ ATI Catalyst Control Center v8.5 นะครับเสถียรสุดแล้ว

- โดยก่อนอื่นให้เข้าไปที่เมนู Edit > Option ครับ แล้วตั้งค่าตามขีดสีฟ้าเลยครับ
- ส่วนใครที่ใช้ Windows Vista ให้เลือกที่ขีดสีชมพูเลยครับ
- ขีดสีน้ำเงินนั้นหากเราใช้ขีดนั้นจะสามารถใช้ AVIVO ปรับสีความสว่างได้ครับ แต่ไม่ต้องเลือกครับ
เพราะ Overlay Mixer จะ Captures หน้าจอไม่ได้ครับ..


คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

ภาพแรกใช้ ATI AVIVO Codec นะครับ


คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

ภาพที่สองใช้ Codec NVIDIA PureVideo


คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

ภาพที่สามใช้ Internal Codec ของ MPC เลยครับ โดยปรับค่าสีนิดหน่อย


คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

* ใช้ CPU ไป 30-68% เลยนะครับสำหรับไฟล์นี้ในการถอดรหัส

ทีนี้ลองมาปรับค่าสีโดย NVIDIA PureVideo กันนะครับ

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

สีสดขึ้นอย่างทันตาเห็นเลยครับ ส่วนวิธีปรับนะครับ
1. ให้ DoubleClick ที่ไอค่อน NVIDIA ล่างเลยครับ แล้วจะขึ้นมาเป็นรูปนี้




คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

- จากรูปจะเห็นคำว่า Hardware Acceleration นั่นก็คือ DxVA นั่นเองครับ
- ให้เลือก Prefer VMR9 ครับเพราะ Media Player เราใช้แบบ VMR9 จะได้ปรับค่าได้ครับ

2. เลื่อนไปอีกแทบนึงจะเห็นคำว่า Color สังเกตุไหมครับปรับไปนิดเดียวสีก็สดน่าดูแล้ว 


คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

- ตรงกลางคือ 100% นะครับ สีสดมากๆ
- Color Sceme คือค่า Preset ที่มีให้เลือกหรือจะเลือกปรับเองก็ได้นะครับ
- Saturation คือความสดของสีนะครับ
- Gamma กับ Digital Vibrance จะปรับไม่ได้นะครับ (ถ้าใช้ การ์ดจอ NVIDIA จะปรับได้ครับ)
** หากใช้การ์ดจอ NVIDIA ลองปรับ Digital Vibrance ดูนะครับ แล้วคุณจะพบว่าภาพจากการ์ดจอ
ขอบคุณก็เทพสีสวยเหมือนกันนะนี่

3. ทีนี้ลองปรับสุดดูอะไรจะเกิดขึ้น


คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

*0* แม่เจ้า อะไรจะสดขนาดนั้น *-*

จุดแตกต่างครับ.-
** หากเรา Set Output เป็น VMR9 แล้วเราจะไม่สามารถใช้ CCC (ATI Catalyst Control Center)
ปรับค่าสี หรือความสว่างได้เลยครับ จุดนี้แยกมาก แถมเข้าไปใช้ยากอีกครับ CCC ตัวใหม่ๆ ไม่ดีเลย

** NVIDIA PureVideo และ AVIVO จะใช้การทำงานของ GPU โดยผ่าน DxVA เป็นหลักเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นภาพที่ได้จะไม่แตกต่างกันมากครับ

** NVIDIA PureVideo ปรับภาพได้สวยกว่า AVIVO ครับเพราะปรับ Saturation ได้มากกว่าครับ

** AVIVO ลองปรับสีแล้ว หากปรับค่า Saturation มากไป จะกลายเป็นสีฟ้า ม่วงๆ ไปเลยครับ

สรุปงานนี้ NVIDIA PureVideo ชนะ AVIVO ครับ *-* ในเรื่องของภาพ


** 

** ขณะใช้ Codec ATI(AVIVO) ในการถอดรหัสไฟล์จะกิน CPU ประมาณ 9 ซึ่งมันจะแกว่งอยู่ที่ 6-13% ครับ


** มาลอง NVIDIA PureVideo บ้าง


จากรูปนี้จะเห็นได้ว่า ขณะใช้ PureVideo ในการถอดรหัสไฟล์จะกิน CPU ประมาณ 9
ซึ่งมันจะแกว่งอยู่ที่ 6-13% ครับ ซึ่งเท่ากับ AVIVO เลย แต่ทว่า จะกิน RAM มากกว่าครับ เพราะมันต้องโหลดโปรแกรมของ
PureVideo มาด้วย ซึ่งของ ATI มันมากับ Drivers เลยครับ แต่ก็ต่างกันไม่มากครับ 3000-4000K เองครับ
ปล. เปิดหน้าต่างสถานะของ PureVideo ได้ที่ด้านล่างครับ ตามเส้นขีดแดงไปเลย...

-----------------------------------------
ทีนี้ถ้าใครอยากลอง Set ให้ Codecs ทั้งสองตัวมันทำงาน มาลองดูกันครับ

1. อันดับแรกก็ต้องเปิดโปรแกรมก่อนนะครับแล้วไปที่ Menu Edit > Options นะครับ


2. จากนั้นให้เลือกที่ External Filters ครับ แล้วกด Add Filter...


3. สำหรับ NVIDIA PureVideo ให้เลือก 3 ตัวตามขีดแดงเลยครับ ลองไล่หาดูนะครับ


4. ส่วน ATI AVIVO ให้เลือกตามรูปครับ อย่าเลือกผิดนะครับ ดูดีๆ Decoder นะครับ ไม่ใช่ Encoder (Decoder คือตัวถอดรหัส , Encoder คือตัวเข้ารหัส 
เหมือน MODEM หละครับ ใครจะรู้บ้างว่าชื่อเต็มๆ มันคือ MOdulation & DEModulation) 


5. กลับมาที่ NVIDIA นะครับ ตามเส้นขีดแดงให้เราเช็คถุก ให้หมดนะครับ ส่วนเส้นสีฟ้านั้น 
- Prefer หมายถึง บังคับให้ใช้ Filter/Codec นี้ก่อนนะครับ ก่อนที่จะไปเรียกหาตัวอื่น
- ฺBlock หมายถึง กีดกั้น Filter/Codec ครับ ในกรณีมันตีกันครับ...
ให้เลือก Prefer นะครับ......


6.ส่วนที่ใครบ่นสีซีด สีจืด สำหรับการ์ดจอ ATI ให้มาปรับได้ที่ Catalyst ได้นะครับ โดยไปปรับตามที่ขีดเส้นแดงเลยครับ 
ยิ่งเพิ่มมากสีก็จะสดมากครับ ปรับได้ทั้ง PureVideo และ AVIVO นะครับ ในกรณีที่เซ็ตเป็น Overlay Mixer ไว้ครับ 
ส่วนการ์ดของ NVIDIA ต้องไปลองกันเอานะครับ ไม่มีอะครับ ใครมีบริจาคได้นะครับ อิอิ




* NVIDIA PureVideo เป็น Filter/Codec ของ DVD และ ไฟล์ชนิด MPEG2 นะครับ หากใครเอาไฟล์วีดีโอประเภทอื่นมาดูมันจะไม่ฉูดฉาดแบบนี้นะครับ
* หากต้องการให้มันฉูดฉาดทุกอัน คงต้องพึ่งตัวปรับใน Driver แล้วแหละครับ แล้วก็โปรแกรมช่วยครับ ^ ^


มาถึง MKV H.264 x264 VC-1 บ้างครับ

ก่อนที่จะรู้จัก Format เหล่านี้เราไปรู้จักกับ Bluray และ HD-DVD ก่อนนะครับ...

HD DVD 
ใครคิด อันนี้ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้นะครับ ผมก็ขี้เกียจไปค้น อิอิ
เอาเป็นว่าตอนนี้ HD DVD ล่มสลายไปจากตลาด Digital เรียบร้อยแล้วเนื่องจาก
เทคโนโลยี่ และการตลาด สู้ Blu-Ray ของอีกฝั่งไม่ได้ ความจุของ HD DVD อยู่ที่ 15 GB 
(single layer) และ 30 GB (dual layer) สำหรับเครื่องเกมส์ที่ใช้แผ่น HD-DVD คงเซ็ง
ไปตามๆ กันนั่นก็คือ XBOX 360 นั่นเอง

Blu-Ray
ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับ มาจากคำว่า Blue Ray อันแปลว่า แสงสีน้ำเงิน 
แรกเริ่มเดิมที DVD และ CD ที่เราใช้กันอยู่จะใช้เลเซอร์ในการยิงแสง
เป็นแสงสีแดงซึ่งมีขนาดของลำแสงที่ใหญ่กว่าสีน้ำเงินครับ แต่แสงสี
น้ำเงินมีขนาดที่เล็กกว่า จึงทำให้การออกแบบบแผ่นมี Dot Pitch ที่
เล็กลงได้ ทำให้ความจุเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ.......ความจุของแผ่นก็อยู่
ที่ 25 GB (single layer) และ 50 GB (dual layer) ครับ

ส่วน รูปแบบของการบีบอัดก็คือ H.264/AVC , VC-1 , MPEG2 นั่นเอง

1. H.264/AVC
เป็นพัฒนาการของ MPEG4 ครับ พูดง่ายๆ ก็คือการบีบอัดวีดีโอแบบ MPEG-4 Part 10
(แถมตอนนี้ยังพัฒนาต่ออีกนะ MPEG-4) ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เรียก MPEG5 
ไปซะหมดเรื่องฮ่าฮ่า ส่วน AVC จริงๆ แล้ว ชื่อเต็มๆ ก็คือ MPEG-4 Advanced Video Coding 
คือการเข้ารหัสแบบเทพนั่นเอง *-* ซึ่งการเข้ารหัสแบบ H.264 มี Software Encoding เข้ารหัส
หลายตัวมากแถมแต่ละตัวคุณสมบัติของภาพไม่เหมือนกันอีก..เช่น Nero Digital , x264 , 
QuickTime , MainConcept , Elecard , ProCoder3 , Avivo

2. VC-1 อันนี้
เป็นพัฒนาการของ WMV ครับ พัฒนาโดยไมโครซอฟท์ครับ เพราะฉะนั้นหากเราเอา
Windows Media Player 11 มาดู ก็จะดูได้สบายเลยครับ

3. x264 อันนี้ชื่อไปซ้ำกะ H.264 จริงๆ แล้วเป็นการเข้ารหัสในรูปแบบของ H.264 นั่นแหละครับ
เพียงแต่ว่า x264 คนใช้กันเยอะเพราะเป็น Free Software Endoding นั่นเอง.. 


4. MKV หรือ Matroska ไม่ต่างอะไรกับ AVI MP4 ASF ครับ เปรียบเสมือนตู้คอนเทนเนอร์ที่
สามารถเอาอะไรหลายๆ อย่างยัดไปได้ เช่น Subtitle เสียงหลายภาษาเป็นต้น ส่วนมาก
มักใช้คู่กับ x264 ครับ ถามว่าดีกว่า AVI ยังไงก็ตรงที่สามารถฝังซับไตเติ้ลเข้าไปได้โดยตรง
ซึ่ง AVI ทำไม่ได้ครับ จึงเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากในปัจจุบัน...


คำถามในภาคแรกก็คือที่ว่า ATI เหนือกว่า NVIDIA ตรงไหน
คำตอบก็คือ ก็ตรงที่ Format VC-1 นี่แหละ แต่ในปัจจุบันแทบไม่ใช้ Format แบบนี้กันแล้วจึงไม่
ต่างกันเท่าไหร่ แต่ก็จะยกตัวอย่างให้ฟังครับ คือ ATI จะมี UVD (Unified Video Decoder) 
เป็นของตัวเองครบเลยไม่ต้องพึ่ง CPU แต่สำหรับ NVIDIA ในการถอดรหัส VC-1 จะต้องมี CPU 
เป็นตัวช่วยในขั้นตอนแรกครับ 



DxVA Support MKV จริงหรือ?
MKV Support DxVA หรือไม่นั้น อันนี้ตอบยากครับเพราะ MKV เป็นแค่ตู้คอนเทนเนอร์ที่ทำหน้าที่
บรรจุเท่านั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ Format ด้านใน เพราะหากเป็น Format แบบ H.264 ที่มีเงื่อนไขสอด
คล้องกับการถอดรหัสของการ์ดจอก็จะทำให้ใช้ DxVA ได้ครับพูดง่ายๆ ก็คือขึ้นอยู่กับโปรแกรม
ที่เข้ารหัสมาครับว่า Support กับ DxVA หรือไม่ครับ...

มาดู Review กันดีกว่าครับว่า MKV มัน Support DxVA จริงหรือ?

1. Independence Day (ID4) 720p (x264)
- MPC Internal Decoder
- กิน CPU ไป 38-60% ทีเดียวครับ เพราะใช้ CPU ในการ Decoding ล้วนๆ


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่

2. The.Fast.and.the.Furious.2001.1080p.HDDVD.DTS.x264-ESiR
- Video: MPEG4 Video (H264) 1920x816 23.98fps [English, The Fast and the Furious (Video 1)]
- Audio: DTS 48000Hz 6ch [English, DTS .51 (Audio 1)]
- MPC Internal Decoder
- กิน CPU ไป 68-78% เลยครับ และไม่ Support DxVA อีกตามเคย


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่


3. The.Fast.and.the.Furious.Tokyo.Drift.2006.1080p.HDDVD.x264-XSHD
- Video: MPEG4 Video (H264) 1920x816 23.98fps [English (Video 1)]
- Audio: Dolby AC3 48000Hz 6ch [English (Audio 1)]
- MPC Internal Decoder
- กิน CPU ไป 52-72% และไม่ Support DxVA อีกตามเคย > <"


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่


4. Men In Black 720p (x264)
- MPC Internal Decoder
- กิน CPU ไป 27-50% และไม่ Support DxVA อีกตามเคย > <"
- จะมีไหมเนี่ยที่ Support > <"


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่

5. Alien VS Predator 720p (x264)
- MPC Internal Codec DxVA Support
- DxVA Mode H.264 bitstream decoder no FGT
- จากอันนี้เราจะเห็นได้ว่า มันไปเข้าเงื่อนไขของการถอดรหัสของการ์ดจอพอดีเลยใช้ DxVA ได้ *-*
- CPU Usage 8-20% Avarage @ 17%


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่


ทีนี้เราลองมาดู Filter ตัวอื่นๆ บ้างครับว่ามันใช้ CPU เท่าไหร่

CoveAVC Pro
- ใช้ CPU ไป 27-37%


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่



Cyberlink PowerDVD 8 H.264/AVC Filter
- ใช้ CPU ไป เยอะกว่า CoreAVC อีก ที่ 27-48%
- แต่ภาพรู้สึกจะสวยกว่าแฮะ
- DxVA ไม่ทำงานครับ แต่มีให้เลือกนะ แต่ดันไม่ทำงาน - -
- ภาพสวยกว่าก็จริงแต่ กระตุกครับมี Mosiac ขึ้นด้วยบางครั้ง แต่ก็พอดูได้ครับ


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่


6. Iron.Man.1080p.DTS.
- MPC Internal Codec DxVA Support
- Video: MPEG4 Video (H264) 1920x1080 23.98fps [English (Video 1)]
- Audio: DTS 48000Hz 6ch [English, DTS 1536 (Audio 1)]
- ใช้ CPU น้อยมากๆ ครับ CPU Usage 8-11% Avarage @ 8%
- ภาพที่ได้ก็สวยครับ แต่ว่ากระตุกครับ ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่


มาดู CoreAVC กันบ้างครับ 
- ใช้ CPU ไปถึง 47-68% เลยครับ



คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่



มาดูฝั่ง Anime กันบ้างครับ

1. [Fansub-Seller]Tengen Toppa Gurren Lagann EP 03 (1280x720 h264) [D100CF0E]
- Video: MPEG4 Video (H264) 1280x720 23.98fps 1097Kbps [Video 0]
- Audio: MPEG Audio Layer 3 48000Hz stereo 192Kbps [Audio 1]
- MPC Internal Codec DxVA Support
- ภาพแตกเป็นระยะๆ มี Mosiac สีเขียวปนมาบ้าง แถมหยุดเล่นบางครั้งก็ไม่ขึ้นภาพเลยซะงั้น
- ใช้ CPU น้อยมากๆ ครับ 3-8% เท่านั้นเอง *-*


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่


มาลอง CoreAVC ดูบ้าง เรื่อองเดียวกันครับ
- ใช้ CPU ประมาณ 11-20% ครับ
- ภาพก็ลื่นดีไม่มีปัญหาครับ


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่


PowerDVD H.264/AVC 
- ใช้ CPU พอๆ กับ CoreAVC เลยครับ
- ภาพก็ลื่นดี พิเศษตรงปรับภาพ ค่าสีให้สดได้ด้วยครับ
- ไม่รู้จะมี DxVA ไว้ทำไมใช้ไม่ได้เหมือนเดิม - -


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่



คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่

- ในกรณีนี้เราสามารถไปลองปรับค่าในตัวโปรแกรมได้เลยนะครับ
- สามารถปรับความสดจากตรงจุดนี้ได้เหมือนกันครับ
- แต่ว่าส่วนมากจะปรับไม่ค่อยได้ครับ ขึ้นอยู่กับ Filter/Codec ที่เราเลือกใช้ด้วย


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่



คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่

*ATI MPEG Decoder* มาเกี่ยวอะไรเนี่ย
- จริงแล้ว ATI MPEG Decoder เป็นแค่โปรแกรมถอดรหัสภาพเฉยๆครับ เป็นตัวเชื่อมโยงกับ การ์ดจออีกที
- แต่มันก็ใช้ DxVA ไม่ได้อีกแหละ CPU ใช้พอๆ กันเลย - -


2. Elfen Lied (DVD Rip) H.264 720x480
- Internal MPC Video Decoder
- ใช้ CPU พอๆ กับ ไฟล์แรกเลยครับ
- ไม่ Support DxVA อีกเช่นเคย


คลิก! เพื่อดูรูปใหญ่



บทสรุปนะครับ ตอนนี้ MKV บางตัวเท่านั้นนะครับที่เงื่อนไขไปสอดคล้องกับค่าของการถอดรหัสของการ์ดจอนะครับ 
แต่ว่า Software ที่มา Support DxVA ณ ตอนนี้ยังดีไม่พอครับยังมีปัญหาอีกเยอะ 
คำแนะนำของผมก็คือ ให้ใช้ CoreAVC หรือ PowerDVD ไปก่อนครับ
แล้วก็รอให้ตัว Decoding หรือตัวเข้ารหัสมันดีกว่านี้ก่อน ครับ
ข้อมูลจาก overclockzone.com

ไม่มีความคิดเห็น